บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีการต้มยาสมุนไพรให้ได้ผลดีที่สุด


วิธีการต้มยาสมุนไพรให้ได้ผลดีที่สุด
การเตรียมยาสมุนไพรอย่างถูกวิธีการ((น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15 กรัม)
ยาต้ม
“ยาต้ม” นั้น นับว่าเป็นการเตรียมยาจากพืชสมุนไพรที่มีมาช้านานแล้ว เป็นการเอาน้ำมาเป็นตัวละลายตัวยาที่มีอยู่ในพืชสมุนไพร
ข้อดีของ “ยาต้ม” ก็ได้แก่ ออกฤทธิ์เร็ว ดูดซึมได้ง่ายการเตรียมก็ทำได้ง่ายดายและสะดวกมาก
แต่ก็มีข้อเสีย ได้แก่ รสชาติ นั่นเอง รวมทั้งกลิ่นของยาอีกด้วย บางทีก็อาจจะดื่มกินได้ลำบาก เพราะมีรสไม่ชวนดื่มสำหรับผู้ที่กินยายาก
อีกอย่างหนึ่ง “ยาต้ม” ทั้งหลายก็เก็บเอาไว้ไม่ได้นานมิหนำซ้ำยังขึ้นราได้ง่ายอีกด้วย
หากต้องการเก็บรักษาเอาไว้นานก็จะต้องใช้สารกันบูดผสมลงไปก็ได
วิธีการเตรียม “ต้มยา”
1. น้ำและภาชนะที่ใช้ต้มยา
น้ำที่ใช้ในการต้มยานี้จะต้องเป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ปริมาณของน้ำที่ใช้ในการต้มยาจะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณของยา โดยปกติก็จะใส่น้ำให้พอท่วมตัวยาที่มีอยู่
ภาชนะที่ใช้ในการต้มยานั้นควรเป็นภาชนะดินเผาหรือหม้อเคลือบก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น เหล็ก เพราะจะทำให้สาร “แทนนิน” ที่มักพบในพืชสมุนไพรทำปฏิกิริยากับโลหะได้ ซึ่งจะมีผลต่อฤทธิ์ของยาได้
2. การเตรียมยาสมุนไพร
ยาสมุนไพรที่ใช้ต้มควรหั่นเป็นชิ้นพอดี ถ้าเป็นแก่นก็หั่นเป็นชิ้นเท่า ๆ กัน ถ้าเป็นใบใหญ่ เช่น ชุมเห็ดเทศให้หั่นเป็นฝอย แต่ถ้าใยเล็ก เช่น ฟ้าทะลาย กระเพรา ก็ให้ใช้ทั้งใบไปเลย ขนาดไม่ควรเล็กเกินไป เพราะจะทำให้กรองยาต้มยาก และเวลาต้มอาจจะเกิดการไหม้ได้ง่าย
3. การต้มยา
ให้เติมน้ำสะอาดลงไปในตัวยา คนให้เข้าด้วยกัน แช่ทิ้งไว้สัก 20 – 30 นาทีก่อนต้ม เพื่อให้ยาสมุนไพรดูดซึมน้ำได้เต็มที่ (แต่ถ้าเป็นพืชสมุนไพรสด ๆ ก็ไม่ต้องแช่น้ำ) ใช้ไฟขนาดกลางต้มจนเดือด ใช้เวลาต้มไปสัก 15 – 20 นาทีก็พอ
เวลาเดือดจะต้องคอยดูแลยาต้มให้ดี ระวังอย่าให้ยาไหม้ที่ก้นหม้อได้ (ในการต้มยาไทย ส่วนมากจะต้ม 3 เอา 1 คือ ใส่น้ำลงไป 3 ส่วนของปริมาณที่ต้องการใช้ แล้วต้มให้น้ำเหลือ 1 ส่วน) ยาต้มควรรับประทานในเวลาท้องว่าง ส่วนจำนวนครั้งและปริมาณก็ให้เป็นไปตามกำหนดในวิธีใช้ยา
ยาต้มทั่วไปไม่ควรทิ้งไว้ค้างคืน ต้มแล้วรับประทานให้หมดภายในวันเดียว
ขอบคุณบทความจาก http://www.geocities.ws/dordek1/thai_herb_a1.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น