ถั่วเหลืองมีสรรพคุณทางยาอย่างไร
คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง : เต้าหู้ น้ำเต้าหู้
ถั่วเหลืองมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ตัวหนึ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจคือ กลุ่ม ไอโซฟลาโวนส์ Isoflavones ตัวอย่างเช่น geistein ,daidzeinซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เอสโตรเจนในร่างกาย ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับ
คุณสุภาพสตรี โดยเฉพาะที่มีภาวะหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมการเสริมสร้างกระดูกของร่างกาย และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นของผิวหนัง การทานน้ำนมถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ก็เป็นอีกหนทางที่ดีที่จะช่วยคุณสุภาพสตรีลดหรือบรรเทาอาการข้างเคียงจากภาวะหมดประจำเดือน
คุณประโยชน์อื่นๆที่น่าสนใจยังมีอีกเพราะถั่วเหลืองไม่ได้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ผู้หญิง แต่ผู้ชาย จนถึงเด็กๆต่างก็ได้รับประโยชน์จากถั่วเหลืองได้ดังข้อมูลที่จะกล่าวต่อไป:
• มีการวิจัยพบว่า ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ช่วยลดและป้องกัน โรคมะเร็งเต้านม และ บรรเทาอาการ ข้างเคียงจาก ภาวะหมดประจำเดือน
• พบว่า ช่วยป้องกันและแก้ไข โรคหัวใจ เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่มีคอเรสเตอรอล มีไฟเบอร์สูง นอกจากนี้ยังมี โอเมกา 3 และวิตามิน อี
• พบว่าช่วยป้องกันและยับยั้งโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แม้ว่ากลไกในการทำงานของมันเรายังไม่ทราบ แต่นักวิจัยพบว่า ผู้ชายที่รับประทาน
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองยิ่งมากเท่าไร การเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากยิ่งพบน้อยลง
• ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากถั่วเหลืองมีไฟเบอร์สูง ไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร และจาก การวิจัยยังพบว่าผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ได้
• เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับนักมังสวิรัต เพราะถั่วเหลืองมีสารอะมิโน เอซิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย
• ใช้แทนน้ำนมวัว ในเด็กที่แพ้นมวัว และ แพ้แลคโตสในนม เราสามารถใช้น้ำนมถั่วเหลืองชดเชยได้
• ใช้เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะถั่วเหลืองมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบน้อย และยังไม่มีคอเลสเตอรอล
ท่านผู้อ่านก็พอจะเห็นคุณประโยชน์ต่างๆที่มีในถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ หรือ ผลิตภัณฑ์เต้าหู้ ที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ สำหรับชนผู้รักสุขภาพทั้งหลาย
บทความที่ได้รับความนิยม
-
สมุนไพรเผาผลาญไขมัน ลูกยอสกัดที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 15 ชนิด (ชนิดแคปซูล สะดวก รับประทานง่าย) เป็นยาที่คัดสรรมาเพื่อสำหรับแก้ธาตุไฟหย่อน...
-
สมุนไพรสรรพคุณยาอายุวัฒนะ บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียดในจำนวนว่านยาทั้งหมด มีพืชอยู่ชนิดหนึ่ง ที่ท่านขุนพันธ์ ท่านใช้รั...
-
สมุนไพรดองเหล้าคืออะไร ถ้าว่ากันตามตำรา " หมอเมือง " หรือผู้มีภูมิรู้ด้านการแพทย์แผนไทย ก็อธิบายได้ว่า เหล้าหรือแอลกอฮอล์เป็นสา...
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556
ทุเรียนมีสรรพคุณทางยามากมาย
ทุเรียนมีสรรพคุณทางยามากมาย
ถ้ากินตามเทคนิคของปู่ย่าตายายที่ตกทอดกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะก็รับรองผอมแน่คะ! นั่นคือให้กินทุเรียนแบบถือว่าเป็นยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่กินเอาอร่อยอย่าที่เรากินๆ กัน ตื่นนอนให้เช้าๆ หน่อย สักประมาณตี 5 ( เป็นเวลาที่ธาตุของเราเริ่มทำงาน) หลังจากแปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ทานทุเรียนได้เลย จะเลือกพันธุ์ไหนก็ได้ตามรสนิยม ให้ทานได้ประมาณครึ่งลูก คนอ้วนจะทานได้มากกว่านี้นิดหน่อย หลังจากทานแล้วดื่มน้ำอุ่นๆ ตามลงไปด้วยหลังจากทานทุเรียนแล้ว ควรงดอาหารเช้าของวันนั้น
ทานติดต่อกัน 2 วัน เส้นใยและความร้อนจากสารกำมะถันในทุเรียนจะไปชะล้างพยาธิและสิ่งสกปรกต่างๆ ในลำไส้ออกมาจนหมด ทำให้คุณผอมลง ร่างกายแข็งแรงสดชื่นด้วย ทุเรียนมีดีรอบด้าน ถึงกินแล้วจะร้อนในไปหน่อย แต่ความดีอย่างอื่นของทุเรียนก็ยังมี แถมมีตั่งแต่ต้นจรดรากซะด้วยสิ
เนื้อ: เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน แต่ความร้อนนี้ล่ะจะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิได้ด้วย
เปลือก: ถ้าเอาเปลือกแหลมๆ ไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วเอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสีย แผลจะหายเร็ว หรือถ้าหากมีเด็กในบ้านเป็นคางทูม คนสมัยก่อนเขาก็จะเอาเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง เอามาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพอกที่คาง คางทูมก็จะยุบ
ใบทุเรียน: เอาใบทุเรียนไปต้มกับน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาอาบ ความร้อนจะช่วย ให้หายไข้และโรคดีซ่านได้
ราก: ตัดเป็นข้อๆ ใส่หม้อต้มให้เดือด นำมาดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงได้ดี
แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้วละก็ คุณอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ทุเรียนจะสามารถทำให้คุณสวยได้
วิธีการไม่ยากเลยเพียงแค่ …. นำเนื้อทุเรียนสุกพอห่ามๆ ไม่ต้องสุกมาก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สักกำมือหนึ่ง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อข้นๆ ทาไปเลยทั่วผิว เว้นรอบดวงตาและปาก หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น
สรรพคุณ! มากมายอย่างนี้ สาวๆที่ไม่ชอบทุเรียนอาจจะต้องหันกลับมาสนใจทุเรียนมากขึ้นแล้วละ เพราะทุเรียนมีดีกว่าที่คิด จริงไหม
ที่มา http://www.horapa.com
ถ้ากินตามเทคนิคของปู่ย่าตายายที่ตกทอดกันมา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาล่ะก็รับรองผอมแน่คะ! นั่นคือให้กินทุเรียนแบบถือว่าเป็นยาถ่ายพยาธิ ไม่ใช่กินเอาอร่อยอย่าที่เรากินๆ กัน ตื่นนอนให้เช้าๆ หน่อย สักประมาณตี 5 ( เป็นเวลาที่ธาตุของเราเริ่มทำงาน) หลังจากแปรงฟันล้างหน้าแล้วก็ทานทุเรียนได้เลย จะเลือกพันธุ์ไหนก็ได้ตามรสนิยม ให้ทานได้ประมาณครึ่งลูก คนอ้วนจะทานได้มากกว่านี้นิดหน่อย หลังจากทานแล้วดื่มน้ำอุ่นๆ ตามลงไปด้วยหลังจากทานทุเรียนแล้ว ควรงดอาหารเช้าของวันนั้น
ทานติดต่อกัน 2 วัน เส้นใยและความร้อนจากสารกำมะถันในทุเรียนจะไปชะล้างพยาธิและสิ่งสกปรกต่างๆ ในลำไส้ออกมาจนหมด ทำให้คุณผอมลง ร่างกายแข็งแรงสดชื่นด้วย ทุเรียนมีดีรอบด้าน ถึงกินแล้วจะร้อนในไปหน่อย แต่ความดีอย่างอื่นของทุเรียนก็ยังมี แถมมีตั่งแต่ต้นจรดรากซะด้วยสิ
เนื้อ: เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน แต่ความร้อนนี้ล่ะจะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิได้ด้วย
เปลือก: ถ้าเอาเปลือกแหลมๆ ไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วเอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสีย แผลจะหายเร็ว หรือถ้าหากมีเด็กในบ้านเป็นคางทูม คนสมัยก่อนเขาก็จะเอาเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง เอามาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพอกที่คาง คางทูมก็จะยุบ
ใบทุเรียน: เอาใบทุเรียนไปต้มกับน้ำแล้วเอาน้ำนั้นมาอาบ ความร้อนจะช่วย ให้หายไข้และโรคดีซ่านได้
ราก: ตัดเป็นข้อๆ ใส่หม้อต้มให้เดือด นำมาดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงได้ดี
แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามแล้วละก็ คุณอาจจะไม่เคยคิดเลยว่า ทุเรียนจะสามารถทำให้คุณสวยได้
วิธีการไม่ยากเลยเพียงแค่ …. นำเนื้อทุเรียนสุกพอห่ามๆ ไม่ต้องสุกมาก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สักกำมือหนึ่ง ปั่นรวมกับดินสอพอง 1/4 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อข้นๆ ทาไปเลยทั่วผิว เว้นรอบดวงตาและปาก หรือบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออก ธาตุกำมะถันในทุเรียนจะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น
สรรพคุณ! มากมายอย่างนี้ สาวๆที่ไม่ชอบทุเรียนอาจจะต้องหันกลับมาสนใจทุเรียนมากขึ้นแล้วละ เพราะทุเรียนมีดีกว่าที่คิด จริงไหม
ที่มา http://www.horapa.com
วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556
สมุนไพรเผาผลาญไขมัน
สมุนไพรเผาผลาญไขมัน
ลูกยอสกัดที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 15 ชนิด (ชนิดแคปซูล สะดวก รับประทานง่าย)
เป็นยาที่คัดสรรมาเพื่อสำหรับแก้ธาตุไฟหย่อน ซึ่งทำให้การเผาผลาญอาหารเฉื่อยชาลง ให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะไขมันที่พอกพูนสะสมตามร่างกาย ทั้งแขน ขา หน้าท้อง สะโพก ซึ่งทำให้เรารู้สึกขาดความมั่นใจในตนเอง และเสียบุคลิกภาพอีกด้วย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จะทำให้เกิดโรคตามมามากมายตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ ลูกยอสกัดเข้มข้น เห็ดหลินจือ ตังกุย
ดอกคำฝอย เบญจกูลเพื่อปรับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ของร่างกายเราให้เป็นปรกติ การลดน้ำหนักครั้งนี้ ก็
จะเห็นผลชัดเจน ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนเพลีย แข็งแรง แลดูสดใส หน้าเด็กขึ้น ส่วนตัว ยาเบญจกูลที่ช่วย
ปรับธาตุให้เป็นปรกติ ประกอบไปด้วย ดีปลี ช้าพลู สะค้าน เจตมูลเพลิง และขิง ยาลูกยอสกัดผสม
สมุนไพร ยังประกอบไปด้วย กลุ่มยาอายุวัฒนะ ซึ่งได้แก่ แห้วหมู บอระเพ็ด เม็ดข่อย พริกไทย ทิ้งถ่อน
ตะโกนา
สรรพคุณโดยรวมก็จะช่วยบำรุงร่างกายได้รูปทรงสัดส่วนที่สวยงาม และแข็งแรงอยู่เสมอ
มีเรี่ยวแรงกำลังวังชา พละกำลังสมบูรณ์ ช่วยให้อายุยืนยาว ไม่ค่อยเจ็บป่วย แขนขาแข็งแรง แก้ปวด
เมื่อยปวดข้อเข่าได้ดีมาก เคล็ดลับของแพทย์แผนโบราณที่สามารถปรุงยารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์
นั้น ก็เพียงแต่อาศัยหลักในการปรุงยาดังต่อไปนี้ คือใช้สมุนไพรให้ถูกต้อง ใช้ให้ถูกส่วน ใช้ให้ถูกขนาด
ใช้ให้ถูกวิธี ใช้ให้ถูกกับโรค และต้องรักษาความสะอาดให้ดี แล้วนั่นแหละทุกสิ่งทุกอย่างจึงจะเกิด
ผลดีที่สุด
ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร มีหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ
1. กินแล้วช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดการดูดซึมไขมัน
2. ช่วยในการปรับสมดุลของธาตุ เสริมธาตุไฟเพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของการลดความอ้วน โดยใช้แพทย์แผนไทย เพราะการลดความอ้วนจะเกิดการอ่อนเพลีย หลังจากกินสมุนไพรลดความอ้วนแล้วจึงต้องมีกาปรับสมดุลของธาตุไม่ให้อ่อนเพลีย ซึ่งจะต่างกับต่างประเทศที่จะมีการใช้ยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้ไม่อยากอาหาร ซึ่งเป็นอันตราย และพอหยุด
กินยา จะเกิดการโยโย่เอฟเฟ็กต์
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ประกอบด้วยสมุนไพรแท้ชั้นดี คุณภาพสูง ใช้แล้วเห็นผลชัดเจน
และแน่นอน เชื่อถือได้ เนื่องจากจำหน่ายมานานเกือบ 6 ปีแล้ว คนที่อยากลดน้ำหนัก
จริงจังถ้าสนใจลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดูนะคะ แล้วคุณจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงค่ะ
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร เป็นยาสมุนไพรลดน้ำหนัก รับรองผลแน่นอน ไม่มีผลข้างเคียง
ทั้งยังช่วยรักษาสุขภาพอีกด้วย เป็นยาที่ผู้ชำนาญด้านสมุนไพรท่านผลิตขึ้น มีจำนวนไม่มาก
แต่ได้ผลดีเยี่ยม รับรองว่าไม่มียาใดในโลกสู้ได้ขณะนี้ รับประกันอีกทีค่ะ สินค้ามีจำนวนจำกัด
อยากหุ่นดี อย่าพลาดโอกาสนี้นะคะ
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ช่วยลดน้ำหนักและล้างสารพิษ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ บรรจุ
แคปซูล ไม่มีผลข้างเคียง ไม่คลื่นไส้ ไม่ใจสั่น ไม่หงุดหงิด นอนไม่หลับ และที่สำคัญไม่โยโย่
ผลข้างเคียงอย่างเดียวคือ คนที่ผอมอยู่แล้ว ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายจะเผา
ผลาญให้ผ่ายผอมเกินไป
• ยอ เป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะของสังคมไทย ช่วยบำรุงธาตุไฟ อันเป็นปัจจัยแรกที่จะทำ
ให้ร่างกายเป็นปกติ ไม่เสียสมดุล นอกจากนี้ คนสมัยก่อนจะกินยอเพื่อแก้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย
เพราะยอเป็นยาร้อน ซึ่งความเป็นยาร้อนก็จะช่วยเพิ่มพลังของธาตุไฟที่ช่วยในการเคลื่อนไหว และ
การไหลเวียนต่างๆ ให้แก่ร่างกาย รับประทานมากจะทำให้ธาตุไฟเผาผลาญซึ่งทำให้ร่างกาย
ผ่ายผอมลงได้
การรับประทานยอให้ได้ผลดีที่สุด
การรับประทานยอเพื่อรักษาโรคและบรรเทาอาการต่างๆ ให้ได้ผลดีที่สุดนั้น ต้องคัดเลือกเฉพาะลูกยอที่
แก่จัดเท่านั้น แล้วนำมาสกัดเพื่อให้ได้สารสำคัญเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์ ความเข้มข้นต้องได้มาตรฐาน
และต้องอาศัยสมุนไพรอื่นๆ ผสมผสานกัน ในขนาดและสัดส่วนที่เหมาะสมลงตัว และสมุนไพรที่นิยม
ใช้นั้น ก็ได้แก่โสม เห็ดหลินจือ ตังกุย ดอกคำฝอย บอระเพ็ด พิกัดยาเบญจกูล และกลุ่มยาอายุวัฒนะ
บทความจาก http://www.slimbyherb.com
ลูกยอสกัดที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 15 ชนิด (ชนิดแคปซูล สะดวก รับประทานง่าย)
เป็นยาที่คัดสรรมาเพื่อสำหรับแก้ธาตุไฟหย่อน ซึ่งทำให้การเผาผลาญอาหารเฉื่อยชาลง ให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะไขมันที่พอกพูนสะสมตามร่างกาย ทั้งแขน ขา หน้าท้อง สะโพก ซึ่งทำให้เรารู้สึกขาดความมั่นใจในตนเอง และเสียบุคลิกภาพอีกด้วย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จะทำให้เกิดโรคตามมามากมายตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ ลูกยอสกัดเข้มข้น เห็ดหลินจือ ตังกุย
ดอกคำฝอย เบญจกูลเพื่อปรับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ของร่างกายเราให้เป็นปรกติ การลดน้ำหนักครั้งนี้ ก็
จะเห็นผลชัดเจน ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนเพลีย แข็งแรง แลดูสดใส หน้าเด็กขึ้น ส่วนตัว ยาเบญจกูลที่ช่วย
ปรับธาตุให้เป็นปรกติ ประกอบไปด้วย ดีปลี ช้าพลู สะค้าน เจตมูลเพลิง และขิง ยาลูกยอสกัดผสม
สมุนไพร ยังประกอบไปด้วย กลุ่มยาอายุวัฒนะ ซึ่งได้แก่ แห้วหมู บอระเพ็ด เม็ดข่อย พริกไทย ทิ้งถ่อน
ตะโกนา
สรรพคุณโดยรวมก็จะช่วยบำรุงร่างกายได้รูปทรงสัดส่วนที่สวยงาม และแข็งแรงอยู่เสมอ
มีเรี่ยวแรงกำลังวังชา พละกำลังสมบูรณ์ ช่วยให้อายุยืนยาว ไม่ค่อยเจ็บป่วย แขนขาแข็งแรง แก้ปวด
เมื่อยปวดข้อเข่าได้ดีมาก เคล็ดลับของแพทย์แผนโบราณที่สามารถปรุงยารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์
นั้น ก็เพียงแต่อาศัยหลักในการปรุงยาดังต่อไปนี้ คือใช้สมุนไพรให้ถูกต้อง ใช้ให้ถูกส่วน ใช้ให้ถูกขนาด
ใช้ให้ถูกวิธี ใช้ให้ถูกกับโรค และต้องรักษาความสะอาดให้ดี แล้วนั่นแหละทุกสิ่งทุกอย่างจึงจะเกิด
ผลดีที่สุด
ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร มีหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ
1. กินแล้วช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ลดการดูดซึมไขมัน
2. ช่วยในการปรับสมดุลของธาตุ เสริมธาตุไฟเพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของการลดความอ้วน โดยใช้แพทย์แผนไทย เพราะการลดความอ้วนจะเกิดการอ่อนเพลีย หลังจากกินสมุนไพรลดความอ้วนแล้วจึงต้องมีกาปรับสมดุลของธาตุไม่ให้อ่อนเพลีย ซึ่งจะต่างกับต่างประเทศที่จะมีการใช้ยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้ไม่อยากอาหาร ซึ่งเป็นอันตราย และพอหยุด
กินยา จะเกิดการโยโย่เอฟเฟ็กต์
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ประกอบด้วยสมุนไพรแท้ชั้นดี คุณภาพสูง ใช้แล้วเห็นผลชัดเจน
และแน่นอน เชื่อถือได้ เนื่องจากจำหน่ายมานานเกือบ 6 ปีแล้ว คนที่อยากลดน้ำหนัก
จริงจังถ้าสนใจลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดูนะคะ แล้วคุณจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงค่ะ
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร เป็นยาสมุนไพรลดน้ำหนัก รับรองผลแน่นอน ไม่มีผลข้างเคียง
ทั้งยังช่วยรักษาสุขภาพอีกด้วย เป็นยาที่ผู้ชำนาญด้านสมุนไพรท่านผลิตขึ้น มีจำนวนไม่มาก
แต่ได้ผลดีเยี่ยม รับรองว่าไม่มียาใดในโลกสู้ได้ขณะนี้ รับประกันอีกทีค่ะ สินค้ามีจำนวนจำกัด
อยากหุ่นดี อย่าพลาดโอกาสนี้นะคะ
• ยาลูกยอสกัดผสมสมุนไพร ช่วยลดน้ำหนักและล้างสารพิษ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ บรรจุ
แคปซูล ไม่มีผลข้างเคียง ไม่คลื่นไส้ ไม่ใจสั่น ไม่หงุดหงิด นอนไม่หลับ และที่สำคัญไม่โยโย่
ผลข้างเคียงอย่างเดียวคือ คนที่ผอมอยู่แล้ว ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายจะเผา
ผลาญให้ผ่ายผอมเกินไป
• ยอ เป็นสมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะของสังคมไทย ช่วยบำรุงธาตุไฟ อันเป็นปัจจัยแรกที่จะทำ
ให้ร่างกายเป็นปกติ ไม่เสียสมดุล นอกจากนี้ คนสมัยก่อนจะกินยอเพื่อแก้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย
เพราะยอเป็นยาร้อน ซึ่งความเป็นยาร้อนก็จะช่วยเพิ่มพลังของธาตุไฟที่ช่วยในการเคลื่อนไหว และ
การไหลเวียนต่างๆ ให้แก่ร่างกาย รับประทานมากจะทำให้ธาตุไฟเผาผลาญซึ่งทำให้ร่างกาย
ผ่ายผอมลงได้
การรับประทานยอให้ได้ผลดีที่สุด
การรับประทานยอเพื่อรักษาโรคและบรรเทาอาการต่างๆ ให้ได้ผลดีที่สุดนั้น ต้องคัดเลือกเฉพาะลูกยอที่
แก่จัดเท่านั้น แล้วนำมาสกัดเพื่อให้ได้สารสำคัญเฉพาะส่วนที่มีประโยชน์ ความเข้มข้นต้องได้มาตรฐาน
และต้องอาศัยสมุนไพรอื่นๆ ผสมผสานกัน ในขนาดและสัดส่วนที่เหมาะสมลงตัว และสมุนไพรที่นิยม
ใช้นั้น ก็ได้แก่โสม เห็ดหลินจือ ตังกุย ดอกคำฝอย บอระเพ็ด พิกัดยาเบญจกูล และกลุ่มยาอายุวัฒนะ
บทความจาก http://www.slimbyherb.com
วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556
เห็ดหลินจือแดงมีสรรพคุณอย่างไร
เห็ดหลินจือแดงมีสรรพคุณอย่างไร
ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนในโลกที่ทุกคนต้องวิ่งให้เร็วกว่าเข็มนาฬิกา ความเครียดจากการงาน ปัญหาครอบครัว สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ สารพันปัญหา คอยบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยที่เราเองก็ไม่เคยหันมาใส่ใจสุขภาพ ดูแลอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายความตึงเครียด
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้โรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และสารพัดโรคร้ายที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ขาดความสมดุลเดินทางมาเยี่ยมเยือน
แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกายนั่นเอง
กระนั้นก็ดี นอกจากวิธีข้างต้นแล้วการจะช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เสื่อมโทรมมานานให้กลับมามีสุขภาพดีได้นั้นยังมีทางเลือกอื่นอีก
“เห็ดหลินจือ” ถือเป็นตัวช่วยอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราได้สุขภาพที่ดีดังใจ
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “เห็ดหลินจือ” เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว โดยในสมัยโบราณมีการนำเห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์นานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากถือว่าเป็นสมุนไพรชั้นสูงที่หายากต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปเสาะแสวงหาให้ได้มาซึ่งสรรพคุณทางยาที่สุดวิเศษ ในทางพฤกษศาสตร์พบว่า เห็ดหลินจือ แบ่งประเภทตามลักษณะของสีและรูปร่างได้ 6 ชนิดด้วยกัน คือ หลินจือแดง ดำ เหลือง ขาว เขียว และม่วง
ทว่า จากการศึกษาวิจัยพบเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ “โสม” ที่เป็นยาอายุวัฒนะ ยืดอายุให้ยืนยาว
สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า สรรพคุณในการป้องกันและบำบัดโรคภัยต่างๆ ที่กล่าวมามากมายเป็นภูเขาเลากานี้เป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือไม่
คำตอบก็คือ “ไม่”
ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์
หากจะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ก็ต้องบอกว่า เห็ดหลินจือแดง สามารถฟื้นฟูอาการป่วยได้หลายโรค ซึ่งในเชิงเภสัชวิทยา เห็ดหลินจือแดงออกฤทธิ์ต่อ 5 ระบบ คือ
1.ระบบภูมิต้านทาน มีการศึกษาพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยืดเวลาเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง
2.ระบบหลอดเลือด เห็ดหลินจือแดง มีผลต่อช่วยขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว มีผลช่วยลดการเกาะตัวของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด ส่งผลให้ช่วยชะลอความแก่ไม่เพียงแต่ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่ชะลอการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจากสารสำคัญที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือแดง เช่น Sterols, Ganoderic Acid ที่มีอยู่เฉพาะในเห็ดหลินจือแดงเท่านั้น
3.ระบบประสาท เห็ดหลินจือแดงจัดเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองสูงถึง 1.5 เท่า
4.ระบบต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ต่อมหมวกไต ต่อมลูกหมาก และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน พบว่าเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ เกิดความสมดุล เช่น ผู้เป็นเบาหวานเมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแดงจะมีสภาวะของร่างกายดีขึ้น ลดอัตราความรุนแรงของสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของน้ำตาล เป็นต้น ที่สำคัญเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะที่หลับ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ หรือฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่เราได้
และสุดท้าย 5.ระบบเผาผลาญอาหาร หากร่างกายขาดความสมดุลนำไปสู่ความผิดปกติในหลายระบบของร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น อาจเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารเห็ดหลินจือแดงยังมีสารที่จะเข้าไปช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทุกระบบในร่างกาย
นอกจากนี้เห็ดหลินจือแดงยังมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยล้างพิษ หรือขับสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งอวัยวะที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือ ตับ โดยเห็ดหลินจือแดงจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับ ในการทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังขับกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็งและสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยการขับออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ และทางเหงื่อ เป็นต้น ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
อย่างไรก็ตามกระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจือแดง อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดตั้งแต่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือแดงนาน 3-4 วันและอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่รับประทานติดต่อกัน โดยดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญสามารถรับประทานร่วมกับยาแผนปัจจุบันโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ โดยสามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน”
เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยอีกว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับใครบ้าง บอกได้เลยว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และสามารถรับประทานได้เป็นประจำโดยไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรทานเห็ดหลินจือแดงพร้อมกับวิตามินซีและดื่มน้ำตามมากๆ ทั้งนี้วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสาร ในเห็ดได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจรับประทาน ปัจจุบันมีเห็ดหลินจือแดงแบบบรรจุแคปซูลซึ่งรับประทานได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรับประทานเห็ดหลินจือแดงที่เป็นสารสกัดได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
เห็ดหลินจือแดงมิเกอิ (MIKEI) ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น 100% นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทแมกซ์ เอลลิเม้นท์จำกัด โทรศัพท์ (02) 653 0050 โทรสาร (02) 653 0059 เว็บไซต์
ที่มา ผู้จัดการ
ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนในโลกที่ทุกคนต้องวิ่งให้เร็วกว่าเข็มนาฬิกา ความเครียดจากการงาน ปัญหาครอบครัว สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ สารพันปัญหา คอยบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยที่เราเองก็ไม่เคยหันมาใส่ใจสุขภาพ ดูแลอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายความตึงเครียด
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้โรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และสารพัดโรคร้ายที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ขาดความสมดุลเดินทางมาเยี่ยมเยือน
แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกายนั่นเอง
กระนั้นก็ดี นอกจากวิธีข้างต้นแล้วการจะช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เสื่อมโทรมมานานให้กลับมามีสุขภาพดีได้นั้นยังมีทางเลือกอื่นอีก
“เห็ดหลินจือ” ถือเป็นตัวช่วยอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราได้สุขภาพที่ดีดังใจ
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “เห็ดหลินจือ” เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว โดยในสมัยโบราณมีการนำเห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์นานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากถือว่าเป็นสมุนไพรชั้นสูงที่หายากต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปเสาะแสวงหาให้ได้มาซึ่งสรรพคุณทางยาที่สุดวิเศษ ในทางพฤกษศาสตร์พบว่า เห็ดหลินจือ แบ่งประเภทตามลักษณะของสีและรูปร่างได้ 6 ชนิดด้วยกัน คือ หลินจือแดง ดำ เหลือง ขาว เขียว และม่วง
ทว่า จากการศึกษาวิจัยพบเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ “โสม” ที่เป็นยาอายุวัฒนะ ยืดอายุให้ยืนยาว
สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า สรรพคุณในการป้องกันและบำบัดโรคภัยต่างๆ ที่กล่าวมามากมายเป็นภูเขาเลากานี้เป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือไม่
คำตอบก็คือ “ไม่”
ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์
หากจะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ก็ต้องบอกว่า เห็ดหลินจือแดง สามารถฟื้นฟูอาการป่วยได้หลายโรค ซึ่งในเชิงเภสัชวิทยา เห็ดหลินจือแดงออกฤทธิ์ต่อ 5 ระบบ คือ
1.ระบบภูมิต้านทาน มีการศึกษาพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยืดเวลาเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง
2.ระบบหลอดเลือด เห็ดหลินจือแดง มีผลต่อช่วยขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว มีผลช่วยลดการเกาะตัวของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด ส่งผลให้ช่วยชะลอความแก่ไม่เพียงแต่ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่ชะลอการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจากสารสำคัญที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือแดง เช่น Sterols, Ganoderic Acid ที่มีอยู่เฉพาะในเห็ดหลินจือแดงเท่านั้น
3.ระบบประสาท เห็ดหลินจือแดงจัดเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองสูงถึง 1.5 เท่า
4.ระบบต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ต่อมหมวกไต ต่อมลูกหมาก และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน พบว่าเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ เกิดความสมดุล เช่น ผู้เป็นเบาหวานเมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแดงจะมีสภาวะของร่างกายดีขึ้น ลดอัตราความรุนแรงของสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของน้ำตาล เป็นต้น ที่สำคัญเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะที่หลับ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ หรือฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่เราได้
และสุดท้าย 5.ระบบเผาผลาญอาหาร หากร่างกายขาดความสมดุลนำไปสู่ความผิดปกติในหลายระบบของร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น อาจเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารเห็ดหลินจือแดงยังมีสารที่จะเข้าไปช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทุกระบบในร่างกาย
นอกจากนี้เห็ดหลินจือแดงยังมีคุณสมบัติเด่นในการช่วยล้างพิษ หรือขับสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งอวัยวะที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ก็คือ ตับ โดยเห็ดหลินจือแดงจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของตับ ในการทำหน้าที่กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี ช่วยให้อาหารประเภทไขมันถูกย่อย และดูดซึมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังขับกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็งและสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยการขับออกทางระบบขับถ่ายทุกระบบของร่างกาย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ และทางเหงื่อ เป็นต้น ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
อย่างไรก็ตามกระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจือแดง อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดตั้งแต่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือแดงนาน 3-4 วันและอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่รับประทานติดต่อกัน โดยดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญสามารถรับประทานร่วมกับยาแผนปัจจุบันโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ โดยสามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน”
เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยอีกว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับใครบ้าง บอกได้เลยว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และสามารถรับประทานได้เป็นประจำโดยไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรทานเห็ดหลินจือแดงพร้อมกับวิตามินซีและดื่มน้ำตามมากๆ ทั้งนี้วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสาร ในเห็ดได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจรับประทาน ปัจจุบันมีเห็ดหลินจือแดงแบบบรรจุแคปซูลซึ่งรับประทานได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรับประทานเห็ดหลินจือแดงที่เป็นสารสกัดได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
เห็ดหลินจือแดงมิเกอิ (MIKEI) ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น 100% นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทแมกซ์ เอลลิเม้นท์จำกัด โทรศัพท์ (02) 653 0050 โทรสาร (02) 653 0059 เว็บไซต์
ที่มา ผู้จัดการ
วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556
มะเขือเปราะมีสรรพคุณอย่างไร
มะเขือเปราะมีสรรพคุณอย่างไร
สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะเขือเปราะ
มะเขือเปราะ จัดเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ เลยค่ะ แม้ว่าหลาย ๆ คนจะยี้มะเขือเปราะ แต่คุณรู้ถึงสรรพคุณของมะเขือเปราะ และ ประโยชน์ของมะเขือเปราะ กันบ้างรึเปล่าค่ะ ถ้าคุณ ๆ ได้รับรู้ถึง สรรพคุณของมะเขือเปราะ และ ประโยชน์ของมะเขือเปราะ กันแล้วอาจจะเลิกยี้และหันมารับประทานเจ้ามะเขือเปราะกันมากขึ้นก็เป็นไปได้นะค่ะ อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ว่า หวานเป็นลมขมเป็นยานะจ๊ะ นั้นเรามาดู สรรพคุณของมะเขือเปราะ และ ประโยชน์ของมะเขือเปราะ กันก่อนจะตัดสินลงโทษเจ้ามะเขือเปราะทั้งที่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยซักกะติ๊ดเดียว
สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะเขือเปราะ
คุณค่าทางอาหารของมะเขือเปราะ
มะเขือเปราะ 100 กรัม ให้พลังงาน 39 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย โปรตีน 1.6 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 7.1 กรัม แคลเซียม 7 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม ไทอะมิน 0.11 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.6 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.06 มิลลิกรัม น้ำ 90.2 กรัม วิตามินเอรวม 143 RE. วิตามินซี 24 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของมะเขือเปราะ
- ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ ลดความดันเลือด
- บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน เนื่องจากมะเขือเปราะมีสรรพคุณคล้ายกับอินซูลินลดปริมาณน้ำตาลในเลือด คนเป็นเบาหวานที่มีมะเขือเปราะเป็นผักคู่ใจเลยอาการดีวันดีคืน
- ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ
- ช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดี
- มีประโยชน์ต่อตับอ่อน ทำให้ตับแข็งแรงทำงานได้มีประสิทธิภาพ
สรรพคุณของมะเขือเปราะ
- มะเขือเปราะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขับปัสสาวะ
- การแพทย์อายุรเวทของอินเดียใช้รากมะเขือเปราะ รักษาอาการไอ หอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ ขับปัสสาวะ และขับลม
- ผลใช้ขับพยาธิ ลดไข้ ลดอักเสบ ช่วยการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นทางเพศ ประชากรในแคว้นโอริสสาของประเทศอินเดียใช้น้ำต้มผลมะเขือเปราะรักษาโรคเบาหวาน งานวิจัยนานาชาติระหว่างปี พ.ศ.2510-2538 พบว่า ผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด
- ผลมะเขือเปราะมีไกลโคอัลคาลอยด์โซลามาร์จีน โซลาโซนีน และอัลคาลอยด์โซลาโซดีนที่ปราศจากโมเลกุลน้ำตาล การทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งของสารเหล่านี้พบว่า ทุกตัวมีฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งตับและลำไส้ใหญ่
- พบว่าฤทธิ์ของไกลโคอัลคาลอยด์สูงกว่าโมเลกุลไร้น้ำตาล ราก ต้นและผลแก่มีสารอัลคาลอยด์เหล่านี้ต่ำ แต่ผลเขียว (เหมือนที่คนไทยกิน) มีสารที่มีประโยชน์เหล่านี้ในปริมาณสูงกว่าส่วนอื่นของพืชดังกล่าว
- สารโซลาโซดีนใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สเตียรอยด์คอร์ติโซนและฮอร์โมนเพศได้ ผลตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้งใช้ปรุงยาแก้ไอ
- งานวิจัยที่แคว้นโอริสสา ประเทศอินเดีย ใช้สารสกัดน้ำของผลมะเขือเปราะลดปริมาณน้ำตาลในเลือดของหนูเบาหวานอะล็อกซาน พบว่าได้ผลลดน้ำตาลในเลือดดีเท่ากับการใช้ยากลิเบนคลาไมด์ (glibenclamide)
ที่มา n3k.in.th
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)